วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เสน่ห์ของความสะอาดที่ไม่ควรมองข้าม

บทความแรกทาง KDOTHAILAND จะของพูดในเรื่องของความสะอาดของผู้ชายก่อนนะครับ
เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสำหรับคุณผู้หญิง
อันเป็นที่รักของท่านและสำหรับตัวท่านเช่นกันครับ

ความสะอาดสะอ้านนั้นก็ถือว่าเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของผู้ชายเลยก็ว่าได้
ไม่ใช่แค่ภายนอกนะครับ ไม่ว่าท่านจะแต่ตัวดูดี หน้าตาหล่อเหลาสักแค่ไหน
ก็ไม่เท่ากับการที่เรามีสุขอนามัยที่ดีใช่ไหมครับ
















การที่ผู้ชายมีอวัยวะเพศที่สะอาดนั้นนอกจากจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ถึงอานามัยที่ดีแล้ว
ยังสามารถสร้างความประทับใจและความรู้สึกที่ดีให้กับภรรยาของท่านได้เช่นกันครับ
จากนั้นความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างการร่วมรักกันก็จะสามารถเพิ่มความสุขขึ้น
ได้อีกระดับหนึ่งเชียวละครับ

การทำความสะอาดนั้นง่ายมากๆครับ คาดว่าทุกๆท่านคงจะทราบกันอยู่แล้ว

ทุกครั้งที่อาบน้ำหรือมีโอกาส ให้ท่านปลิ้นหนังหุ้มปลายลงมาจนสุดโคนเพื่อทำความสะอาด
ชำระคราบไคลที่หมักหมมอยู่ภายใต้หนังหุ้มปลายออกหรือที่เรียกว่า "ขี้เปียก"
จะเป็นขี้ไคลที่เปียกๆ หรือเป็นคราบเมือกต่างๆ  ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบททีเรียเป็นอย่างมาก
ทำให้เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูก   ให้ใช้น้ำสะอาดชำระล้างอวัยวะเพศของท่านควบคู่กับใ
ช้สบู่ที่มีฤทธิ์อ่อนๆ
ชำระล้างให้สะอาดทุกส่วนภายนอกรวมถึงบริเวณถุงอัณฑะและขาหนีบ
หลังจากนั้นให้ท่านใช้น้ำสะอาดล้างสบู่และสิ่งตกค้าออกให้หมดอีกครั้ง
หลังทำความสะอาดแล้วให้ซับอวัยวะเพศของท่านให้แห้งด้วยผ้าที่สะอาดจะได้ไม่อับชื้น

สิ่งที่ควรปฏิบัติ
1.ก่อนมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้งให้ท่านทำความสะอาดอวัยวะเพศก่อนเสมอ
2.ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
3.กรณีที่ใช้เจลหล่อลื่น หลังเสร็จกิจควรล้างเจลหล่อลื่น ออกให้หมด
4.ทำความสะอาดอวัยวะเพศทุกครั้งหลังจากมีเพศสัมพันธ์
5.ปัสสาวะทุกครั้งควรไล่ปัสสาวะออกจนหมด จะได้ไม่หมักหมม ก่อให้เกิดการติดเชื้อต่างๆ ได้
6.ไม่ใช้กางเกงใน กางเกง ผ้าเช็ดตัว ผ้าขาวม้า ปะปนกับคนอื่น เพราะอาจทำให้เราติดเชื้อได้
7.ต้องเปลี่ยนกางเกงในทุกวัน ไม่ควรนำกลับมาใส่ซ้ำ
8.ไม่ ควรนุ่งกางเกงในที่รัดแน่นเกินไป หรือเปียกชื้น
9.ควรเลือกกางเกงในที่ตัดเย็บด้วยเนื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
                 
เรื่องง่ายๆแค่นี้สำหรับการรักษาความสะอาดเพื่อสุขอนามัยที่ดีกับท่านและคนที่ท่านรักครับ

ขอบคุณครับ

สนใจสั่งซื้อสินค้าได้ที่ http://goo.gl/R9WBl9

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ความสุขที่ทุกท่านหลงไหล.....กับจุดสุดยอดของผู้ชาย

วันนี้ KDOTHAILAND จะมานำเสนอเกี่ยวกับเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับจุดสุดยอดของผู้ชายที่ใครๆ
ก็ทำเป็นแต่อาจจะไม่ทราบว่าลึกๆแล้วมีอะไรอยู่บ้างในการถึงจุดสุดยอดในแต่ละครั้งครับ
  หลายคนคงจะเคยผ่านช่วงเวลาแห่งวัยรุ่นที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน
 และคงจะได้ลิ้มรสสัมผัสกับความสุขแบบสุดยอด ครั้งแรก...รวมถึงครั้งต่อๆ ไป
การสำเร็จความใคร่พร้อมกับการพุ่งออกมาของน้ำอสุจิ ความรู้สึกสุขแบบสุดยอดนั้นเกิดขึ้น
ได้อย่างไร 10 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับกลไกเหล่านั้น จุดออกัสซัม ความอ้วน อสุจิ
หรือโรคต่างๆ ที่อาจทำลายเซ็กซ์ของคุณ และถ้าคุณตั้งใจอ่านบทความนี้ให้ดี
บางทีคุณอาจจะกลายเป็นกูรูในเรื่องเซ็กซ์ไปเลยก็ได้

1. จุดออกัสซัมทำให้คุณรู้สึกเหมือนติดยา “super high”
       เมื่อสแกนสมองของผู้ชายที่ถึงจุดสุดยอดแล้วจะพบว่าพื้นที่สมองรู้สึกตื่นเต้นมากที่สุด
ในช่วงจุดสุดยอด ความรู้สึกนี้เกิดจากสมองส่วน ventral tegmental area (VTA)
คือเซลล์ประสาทในสมองส่วนกลางซึ่งมีหน้าที่ในการผลิตสารที่เรียกว่า โดปามีน (Dopamine)
สมองจะผลิตโดปามีนออกมามากในเวลาที่เรามีความสุขเบิกบานใจ
ความรู้สึก"พึงพอใจ" หรือภาวะ "ไฮ" (high) เป็นอาการเดียวกันกับหลังได้รับยาเสพติดประเภทนิโคตีน
หรือโคเคน เพราะสมองส่วนนี้เกี่ยวข้องกับ ความอิ่มเอิบ (euphoria) ปรารถนา (craving)
และการติด (addiction) ทำให้ผู้เสพรู้สึกและมีความต้องการใช้ซ้ำอีก ซึ่งนำไปสู่การเสพติดในที่สุด
เป็นเหตุผลให้คนเราอยากมีเซ็กซ์บ่อยๆ นั่นเอง
2. จุดออกัสซัมจะดีที่สุดถ้าทำเป็นคู่
       ช่วงโซโลเดี่ยวว่าสนุกแล้ว แต่ถ้าคุณแจมเป็นคู่จะสนุกและสุขยิ่งขึ้น 
หลังจากสำเร็จความใคร่ร่างกายจะหลั่งสาร ฮอร์โมนโปรแลกติน (prolactin) 
ออกมาทำให้ผู้ชายรู้สึกเพลีย นอกจากนี้การเป็นผู้ลงมือกระทำต้องออกกำลังมากทำให้แป้งที่สะสมอยู่
ในกล้ามเนื้อถูกใช้งานไป ทำให้เพลียเช่นกัน ความรู้สึกเพลียหลังมีเพศสัมพันธ์นี้ผู้ชายเป็นมากกว่าผู้หญิง 
เพราะผู้ชายมีกล้ามเนื้อมากกว่าหญิง จึงทำให้ผู้ชายหลับหลังมีเพศสัมพันธ์บ่อยกว่า และนักวิจัยยังค้นพบอีกว่า 
ผู้ชายและผู้หญิงจะสามารถหลั่งสารโปรแลกตินออกมาหลังจากมีเพศสัมพันธ์ร่วมกันถึง 400 เปอร์เซ็นต์ 
ซึ่งมากกว่าการสำเร็จความใคร่เพียงลำพัง และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เซ็กซ์ในท่า spooning 
ทำให้คุณทั้งคู่หลับอย่างสบายภายหลังจากการมีเซ็กซ์แล้ว
 
3. หลายครั้งใช่ แต่บางครั้งก็...ไม่
       นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคนซัสทำการสำรวจนักศึกษาแล้วพบว่า 28% 
แกล้งสำเร็จความใคร่กับคู่ของพวกเขา ซึ่ง 1 ใน 3 ของคนจำนวนนี้บอกว่า ที่พวกเขาแกล้งสำเร็จความใคร่
เพราะพวกเขาเมามากทำต่อไม่ไหว และอีกกว่าครึ่งให้เหตุผลว่าที่ทำเช่นนั้นเพราะต้องการนอน 
มันเป็นสิ่งที่ทำให้รู้ว่าคนส่วนใหญ่มักจะใส่ใจความรู้สึกกับคู่ของพวกเขาในเรื่องเซ็กซ์ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิง 
หรือชาย ก็มักจะแกล้งสำเร็จความใคร่ด้วยเช่นกัน แม้ว่าผู้ชายจะทำได้ยากกว่าเพราะมีสิ่งที่แสดงให้เห็น
ว่าพวกเขาสำเร็จความใคร่นั่นก็คือน้ำอสุจิที่พุ่งออกมา แต่ก็ไม่เสมอไปเพราะบางครั้งผู้ชายก็สามารถ
แกล้งสำเร็จความใคร่ได้ด้วยการแสดงท่าทาง และซ่อนถุงยางของพวกเขาไว้


4. คุณสามารถทำมันอีกครั้ง และอีกครั้ง ถ้าคุณโชคดี
       ผู้ชายส่วนมากสามารถร่วมได้อีกเป็นครั้งที่สองด้วยการกระตุ้นความรู้สึกด้วยมืออย่างช้าๆ 
และอาจประกอบกิจได้เป็นครั้งที่สามโดยการช่วยกระตุ้นตัวเองภายใน 1 ชั่วโมง 
แต่ล่าสุดมีกรณีศึกษาชายชาวเยอรมันวัย 25 ปี ซึ่งสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างต่อเนื่องหลังจากพักไปแค่ 3 นาที 
โดยทำการวิเคราะห์จากการเจาะเลือดของเขาหลังจากดูหนังโป๊และทำการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองโดยทันที 
ซึ่งผลการวิจัยพบว่า ร่างกายของเขาหลั่งสารโปรแลกติน (สารนี้จะทำให้ผู้ชายรู้สึกเพลีย) หลังจากที่สำเร็จความใคร่ 
มีค่าเป็น 0 นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาสามารถสำเร็จความใคร่ติดๆ กันโดยทิ้งช่วงไปเพียงไม่กี่นาที

5. คุณอาจจะไม่สนุกกับมัน
       “Sexual anhedonia” เป็นศัพท์ทางการแพทย์ เกิดจากการที่เพศชาย
มีการหลั่งอสุจิแต่ไม่รู้สึกมีความสุขสุดยอด โชคดีที่โรคนี้มักไม่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ แต่ถ้าหากคุณมีภาวะของโรคซึมเศร้า 
และได้รับยาเพื่อรักษาเป็นยาประเภท เอส เอส อาร์ ไอ 
(SSRI : selective serotonin reuptake inhibitor) 
อาจเกิดผลข้างเคียงทางเพศจากการใช้ยารักษาโรคซึมเศร้า เช่น การไร้สมรรถภาพทางเพศ 
(impotence) การหลั่งน้ำอสุจิผิดปกติ (ejaculatory dysfunction) 
และมีความต้องการทางเพศลดลง (decreased libido) 
และจากการวิจัยจากมหาวิทยาลัยพิตตส์เบิร์ก (University of Pittsburgh)
ได้กล่าวว่า ภาวะความผิดปกติทางเพศต่างๆที่เกิดขึ้นสามารถหายไปได้หลังจากหยุดรับประทานยาเหล่านี้

6. ถ้าคุณอ้วนจะมีผลต่อการผลิตน้ำอสุจิ
       งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยอเบอร์ดีน ประเทศอังกฤษ พบอีกว่าคนอ้วนลงพุงมีเชื้ออสุจิ
อ่อนแอกว่าคนน้ำหนักปกติ ระบุว่า 60% ของผู้ชายที่มีน้ำหนักเกินมากๆ 
(เป็นโรคอ้วนหรือมี BMI สูงกว่า 30) มีแนวโน้มผลิตอสุจิได้น้อยลง
 และอสุจิยังมีโอกาสผิดปกติสูงถึง 40% โดย 69% มีแนวโน้มที่จะผลิตเพียง 2 มิลลิลิตร 
หรือน้อยกว่านั้น ซึ่งโดยปกติแล้วปริมาณน้ำอสุจิที่ถูกปล่อยออกมามีปริมาณ 3-4 มิลลิลิตร 
ซึ่งผลกระทบเหล่านี้อาจเกิดจากไขมันที่มีผลต่อกระบวนการเผาผลาญฮอร์โมนเพศ 
และอุณหภูมิของร่างกายซึ่งคนอ้วนที่มีไขมันมากจะมีอุณหภูมิร่างกายที่สูงกว่าคนปกติทั่วไปทำ
ให้การผลิตสเปิร์มผิดปกติ


7. คุณสามารถทำให้เธอตั้งครรภ์ได้โดยไม่ถึงจุดออกัสซัม
       ในระหว่างการเล้าโลมก่อนการมีเพศสัมพันธ์นั้น ที่อวัยวะเพศชายจะมีน้ำหล่อลื่นออกมา 
เป็นลักษณะสีขาวใส เพื่อช่วยลดการเสียดสีเวลาเรามีเพศสัมพันธ์ และแน่นอนว่า
ในน้ำหล่อลื่นจะมีน้ำอสุจิปนอยู่ด้วย และมีผลตามธรรมชาติคือสามารถให้กำเนิดบุตรได้
 เหมือนน้ำอสุจินั่นเอง เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าในขณะที่เรามีเพศสัมพันธ์อยู่นั้น 
แต่ยังไม่สำเร็จความใคร่หรือหลั่งน้ำอสุจิออกมาก็ไม่สามารถทำให้ใครตั้งท้องได้ 
จากการวิเคราะห์ของวารสาร Human Fertility พบว่า 41% 
ของผู้ที่มีน้ำหล่อลื่นออกมาก่อนที่จะสำเร็จความใคร่ จะมีสเปิร์มปนออกมาถึง 40 ล้านตัว 
โดยการหลั่งน้ำอสุจิแต่ละครั้งประมาณ 3-4 มิลลิลิตร และมีจำนวนตัวอสุจิเฉลี่ยประมาณ 
300-500 ล้านตัว

8. การถึงจุดสุดยอดช่วยรักษาอาการปวดหัว
       เมื่อคุณสำเร็จความใคร่ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุขคือ เอ็นดอร์ฟิน (endorphin) 
ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขที่ร่างกายสามารถสร้างได้เอง สิ่งที่ตามมาคือสามารถลดอาการปวดต่างๆ 
ในร่างกายได้เป็นอย่างดี คำว่า “เอ็นดอร์ฟิน (endorphin)” มาจากภาษาอังกฤษคำว่า
 "เอนโดจีนัส" (endogenous) ที่หมายถึง ผลิตจากภายใน กับคำว่า "มอร์ฟีน" (morphine) 
ที่เป็นสารบรรเทาความเจ็บปวด รวมหมายถึง สารบรรเทาความเจ็บปวดที่ผลิตจากภายในร่างกาย 
       
       นักวิจัยชาวเยอรมันค้นพบว่า ขณะที่คุณกำลังปฏิบัติภารกิจรักอยู่นั้นร่างกายจะ
หลั่งสารแห่งความสุขนี้ออกมาช่วยรักษาโรคไมเกรนได้เป็นอย่างดี สำหรับผู้ป่วยที่เป็น
โรคไมเกรนก็สามารถหายจากความเจ็บปวดนั้นถึง 60% โดยนักวิจัยกล่าวอีกว่า 
นักกีฬารวมถึงคนที่ชอบการวิ่งมาราธอนและไตรกีฬา จะมีโอกาสหายจากโรคไมเกรน
ได้ดีกว่าคนปกติทั่วไป เพราะนอกจากการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินที่ได้จากการออกกำลังกายแล้ว 
สารเอ็นดอร์ฟินยังเพิ่มขึ้นได้จากการถึงจุดสุดยอดด้วยนั่นเอง


9. น้ำเหนียวๆ เกรอะกรังของคุณนั้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ
       ความจริงแล้วในปริมาณน้ำอสุจิที่หลั่งออกมาทั้งหมด 3-4 มิลลิลิตรนั้น 
จะประกอบไปด้วยตัวอสุจิ ซึ่งมีอยู่เพียง 1 ใน 5 ของของเหลวทั้งหมดเท่านั้น 
นอกนั้นจะเป็นน้ำเลี้ยงอสุจิ คือของเหลวที่เป็นอาหารของตัวอสุจิ 
ประกอบด้วย น้ำตาลฟรุกโตส 9 มิลลิกรัม, โซเดียม 10 มิลลิกรัม, 
โปรตีน, สังกะสี, โพแทสเซียม, แคลเซียม และคลอรีน 


10. น้ำอสุจิของคุณเคลื่อนตัวได้เร็วยิ่งกว่านักวิ่งทีมชาติ
       ความเร็วเฉลี่ยของการหลั่งอสุจิคือ 28 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) 
ซึ่งเร็วกว่านักวิ่งบางคนซะอีก มาร์ค เอลเลียต จากสถาบันสุขภาพจิตวิทยาและเพศศาสตร์ 
ในโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา อธิบายเพิ่มเติมว่า เมื่อน้ำอสุจิหลั่งเข้าไปในช่องคลอดแล้ว 
มันจะมีอัตราการเดินทางที่ช้าลง อาจต้องใช้เวลาถึง 5 นาทีเพื่อเคลื่อนที่ไปตามระยะทางเพียง 15 ซม. 
ในมดลูก และยังมีการบันทึกสถิติการพุ่งของอสุจิตอนถึงจุดสุดยอดโดย 
นายฮอสต์ ชัลท์ซ (HORST SCHULTZ) 18 ฟุต 9 นิ้ว
 และเร็ว 68.7 กิโลเมตร์ต่อชั่วโมง อีกด้วย 
 
ซื้อสินค้าเลยที่นี่ http://goo.gl/R9WBl9











วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิธีขึ้นสวรรค์พร้อมกันอย่างมีความสุข (กระตุกขึ้นสวรรค์)

1. ส่งสัญญาณการเดินทาง
ก่อนส่งสัญญาณ ท่านควรแน่ใจว่าถูกที่ ถูกคน และถูกเวลา
ไม่ใช่เหลียวซ้ายแลขวาเจอใครก็ชวนดะ อย่างนั้นมีสิทธิ์ตาย
ได้ขึ้นสวรรค์อีกแบบแน่ (แต่ผมว่าน่าจะลงนรกมากกว่านะครับ-แหะๆ)
 เวลาและสถานที่ต้องเหมาะสม เพราะผู้หญิง (ดีๆ) ค่อนข้างพิถีพิถันกับเรื่องนี้
ประเภทเซ็กซ์ประเจิดประเจ้อนั้น ขอให้เป็นนานๆ ครั้งเพื่อเพิ่มความตื่นเต้นก็พอ
ไม่ใช่กิจวัตร เวลาก็สำคัญนะครับ ควรเลือกเวลาที่ทั้งสองฝ่ายปลอดโปร่งโล่งใจดี
ไม่มีธุระปะปังคั่งค้างอยู่ และต้องไม่ลืมว่า เพศสัมพันธ์ที่ดีและสมบูรณ์
จะต้องมีความรักเป็นพื้นฐานเสมอ ทั้งคำพูดและสัมผัสบางอย่าง
ช่วยตอกย้ำความรักและส่งนัยยะว่าจะเริ่มเดินทางให้เธอเข้าใจได้
ดังนั้น หากฝ่ายชายมีความต้องการทางเพศก็ต้องสื่อสารให้ภรรยาทราบ
ด้วยการพูดคุยและบอกกล่าว การหยอกเย้า สายตา หรือท่วงท่าในการสัมผัสบางอย่าง
แต่อย่าเพิ่มจู่โจม รอสัญญาณตอบรับจากอีกฝ่ายเสียก่อน

2. เตรียมสถานที่ประกอบกิจ
เมื่อเห็นสัญญาณตอบรับส่งกล่าวมา ขั้นต่อไปก็คือ
หาสถานที่และบรรยากาศที่เหมาะสม ซึ่งควรจะเป็นสถานที่ที่ลับหูลับตาคน
สะอาด สบาย อาจมีกลิ่นหอมรัญจวนใจ หรืออากาศถ่ายเทผ่อนคลายดี
อาจมีเสียงดนตรีรื่นหู หรี่ไฟให้สลัวๆ บางคู่อาจอยากอาบน้ำด้วยกันก่อน
นั่นแหละ...รู้ไหมว่าช่วยให้เครื่องร้อนได้สุดๆ เพราะระหว่างอาบน้ำนั้น
สามารถสัมผัสเนื้อตัวกัน บีบนวด เคล้าคลึงเป็นการอุ่นเครื่อง

3. เติมไฟให้ความรู้สึก เมื่อจิตใจและสถานที่พร้อมแล้ว เป้าหมายต่อไปคือ...ร่างกาย
ร่างกายคนเรามีจุดสัมผัสเร้ามากมาย หนุ่มๆ ควรใช้เวลาต่อการกระตุ้นจุดสัมผัสเหล่านั้น
ให้ตื่นตัวเสียก่อน เพื่อให้ถ้ำรักซึ่งมีระบบอัตโนมัติมากมายได้เปิดสวิทช์ให้ฟิตปั๋ง
ได้เผลอบอกเรื่องอาบน้ำด้วยกันไปบ้างแล้ว ว่ามีผลต่อการกระตุ้นความรู้สึกหรืออารมณ์เพศเป็นอย่างดี
ถัดจากนี้คงเป็นเรื่องของ “การเล้าโลม” นั่นเอง
4. เล้าโลม
การเล้าโลมนั้น สามารถทำได้สารพัด ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัส
กอดจูบลูบคลำบริเวณอวัยวะที่เป็นศูนย์รวมของเส้นประสาททั่วร่างกาย
เช่น ใบหู ติ่งหู และหลังใบหู ซอกคอ ริมฝีปาก เต้านม สะโพก บั้นท้าย ขาอ่อน อวัยวะเพศ ฯลฯ
การเล้าโลมที่ถูกต้องและใช้เวลานานพอจะทำให้อู่รักของผู้หญิงขยายตัวใหญ่ขึ้น
เป็น 2-3 เท่าจากขนาดปกติ ซึ่งเป็นขนาดที่พร้อมรบ!
บริเวณทางเข้าและเลยเรื่อยไปตลอดทั้งเส้นทาง ต่อมอัตโนมัติจะขับน้ำหล่อลื่นออกมาเพื่ออำนวย
ความสะดวก และนั่นคือสัญญาการการพร้อมเปิดบ้านต้อนรับ ให้หนุ่มๆ ขยับเข้าไปโขยก
ได้ตามจังหวะที่สุขสันต์
การเล้าโลมเพื่อกระตุ้นอารมณ์กระสันนั้น ไม่ได้สงวนสิทธิ์ไว้เฉพาะผู้ชายเท่านั้นนะครับ
คุณผู้หญิงก็มีสิทธิ์ สามารถเล้าโลมให้คุณผู้ชายได้เหมือนกัน แถมผู้ชายร้อยทั้งร้อยจะชอบ
และติดอกติดใจเป็นอันมาก แต่บางรายไม่กล้าพูด ไม่กล้าเอ่ยปาก
เวลาที่ใช้เพื่อการเล้าโลมที่เหมาะสมนั้น จากการสำรวจพบว่า
ระยะเวลาในการเล้าโลมมีผลต่อการถึงจุดสุดยอดของฝ่ายหญิงเป็นอย่างมาก...
มีตำราต่างประเทศบางเล่มบันทึกสถิติไว้น่าสนใจว่า...

- ใช้เวลาเล้าโลม 1-10 นาที... โอกาสที่ฝ่ายหญิงจะถึงจุดสุดยอด 40%
- ใช้เวลาเล้าโลม 15-20 นาที... โอกาสที่ฝ่ายหญิงจะถึงจุดสุดยอด 50%
- ใช้เวลาเล้าโลม 20 นาทีขึ้นไป... โอกาสที่ฝ่ายหญิงจะถึงจุดสุดยอด 60%
- แต่ถ้าเล้าโลมถึงหนึ่งชั่วโมง... ทั้งคู่จะหมดอารมณ์...หลับไป (แหะๆ)

ผลจากการกระตุ้นอารมณ์เพศ
- ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น...การไหลเวียนของโลหิตทั่วร่างกายและกล้ามเนื้อหัวใจดีขึ้น
- ป้องกันเส้นเลือดตีบตันของหัวใจได้ดีเยี่ยม
- ไขมันในส้นเลือดจะถูกดูดซับออกจากร่างกาย
- การกอดรัดฟัดเหวี่ยง เป็นการบริหารกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย... อาการปวดข้อ ปวดหลัง...จะบรรเทาลง
5. จู่โจมป้อมค่าย สอดใส่ประตูสวรรค์
มาถึงขั้นตอนนี้แล้ว ประตูสวรรค์อาจชุ่มฉ่ำเนืองนอง รอให้เจ้าชายน้อยบุกตะลุยเข้า
ไปผจญภัยในนั้น ในรายที่ถ้ำรักมีน้ำหล่อลื่นน้อยเป็นปกตินั้น อาจช่วยลดอาหารบาดเจ็บด้วยการ
ใช้วาสลินหรือสารหล่อลื่นสำหรับร่วมรักช่วย หรือน้ำลายก็พอช่วยได้ แต่ต้องแน่ใจว่าสะอาดสะอ้านดี
จังหวะนี้ทั้งคู่ควรรู้กันหรือไม่ก็ควรส่งสัญญาณ “ผู้โดยสารเปิดทราบ ขณะนี้ประตูเครื่องได้เปิดรอท่าน
และเครื่องร้อนเหลือเกินแล้ว กรุณานำท่อดับเพลิงของท่านสอดใส่เข้าไป และฉีดน้ำดับไฟที่ร้อนรุ่มนั้นให้สักหน่อย”
สอดใส่เข้าไปแล้ว ต่อไปจะโยกซ้ายป่ายขวา เล่นหน้าเล่นหลังอย่างไรก็สุดแต่ใจจะนิยม
แต่สำหรับน้องใหม่ ที่ยังบริสุทธิ์สดใสด้วยกันทั้งคู่ มีข้อแนะนำให้นำไปใช้แก้เงอะงะ
หรืออาจเกิดภาวะนกกระจอกไม่ทันกินน้ำเสียก่อนได้ โดยให้เริ่มต้นช้าๆ  ให้ทำเหมือนกับเราแปรงฟันนั่นแหละ...
 เอาแปรงใส่ปากเบาๆ ค่อยๆ เริ่มถูไถไปมาช้าๆ รอให้ยาสีฟันแตกฟองก่อน...เพื่อช่วยในการหล่อลื่น
ถ้ารีบร้อน...เล่นแรงตั้งแต่ยาสีฟันยังไม่เป็นฟอง...แปรงมันกระแทกเหงือกพังแน่
เมื่อมีฟองหล่อลื่นมากพอแล้ว สังเกตว่าการชักเข้าชักออกของแปรงสีฟันเริ่มคล่องตัวขึ้น
ก็เร่งความเร็วตามต้องการ จากเกียร์ 1 เป็นเกียร์ 2 และเกียร์ 3 ขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าเมื่อยก็หยุดพักสัก 3 นาที
พูดคุยทำความเข้าใจกับเหงือกว่า...เร็วไปไหม? แรงไปไหม? เจ็บไหม? ชอบแบบไหน?
ไม่ชอบแบบไหน? แล้วก็เริ่มเกียร์หนึ่งใหม่ วนเวียนอยู่อย่างนี้จนกว่าจะพอใจ
หรือมั่นใจว่าบรรลุวัตถุประสงค์ของการแปรงฟันแล้วจึงหยุด...และล้างยาสีฟันออกจากปากและแปรงสีฟันด้วย
ไม่แนะนำให้ใช้ทิชชู่เช็ด เพราะนอกจากจะไม่สะอาดแล้ว ยังทำให้ทิชชู่ติดขอบปากและแปรงสีฟันเป็นหย่อมๆ

ซื้อสินค้าเลยที่นี่ http://goo.gl/R9WBl9

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิธีง่ายๆที่จะทำให้ผู้หญิงที่ท่านรักถึงจุดสุดยอดพร้อมๆกับท่านอย่งมีความสุข

KDOThailand สวัสดีครับ

วันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีง่ายๆ ที่จะทำให้คู่รักของท่านถึงสวรรค์พร้อมกับท่านอย่างมีความสุข

ก่อนอื่นก่อนใดเราต้องทราบถึงสาเหตุหลักก่อนว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงไม่ถึงจุดสุดยอด
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงไม่ถึงจุดสุดยอด
เกิดจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่
1. เล้าโลมไม่เพียงพอ หรือไม่ตรงจุดสำคัญ ทำให้อารมณ์เพศเกิดขึ้นไม่เต็มที่
2. ร่วมเพศไม่นานพอ หรือพูดง่ายๆ ว่า ผู้ชายหลั่งเร็วไปนั่นเอง
3. ฝ่ายหญิงมีสภาพจิตใจไม่ปกติ ตกอยู่ในช่วงวิตกกังวล หรือมีความหวาดกลัว
4. สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม
5. ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นโรคหรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์
- ฝ่ายชายเป็นโรคหลั่งเร็ว
- ฝ่ายหญิงเป็นโรคกามตายด้าน

ต้นเหตุของต้นเหตุทั้งหมดมาจากทั้งสองฝ่าย กล่าวคือ
เกิดจากฝ่ายชายอ่อนประสบการณ์และความรู้เรื่องเพศไม่เพียงพอ
แถมไม่ใส่ใจ ไม่พยายามศึกษาเพิ่มเติม ในขณะที่ฝ่ายหญิงก็ไม่เคยเรียนรู้
ไม่ศึกษา จึงไม่สามารถบอกเล่า เข้าใจ หรือช่วยกันแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้

ความเป็นจริงที่ทั้งชายและหญิงสมควรรู้ก็คือ สาเหตุที่ผู้หญิงไม่ถึงจุดสุดยอด
ส่วนใหญ่เกิดจากความใจไวของผู้ชาย พอตัวเองเกิดอารมณ์ปุ๊บ ก็รีบจ้ำพรวดๆ
มุ่งไปให้ถึงที่หมายอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ส่งสัญญาณหรือรอให้ฝ่ายหญิงได้มีโอกาสเตรียมตัวเตรียมใจ
และตั้งหลักเพื่อเตรียมการต้อนรับขับสู้ หรือโดยสารไปด้วยกันเลย
โดยธรรมชาติแล้ว อวัยวะเพศชายเมื่อแข็งตัวปุ๊บ ก็สามารถร่วมเพศได้ปั๊บ และการแข็งตัวนั้น
ใช้เวลาเพียงแค่ 10-20 วินาที (ในสภาพร่างกายที่ปกติ) แต่อวัยวะเพศหญิงนั้นไม่ใช่
เธอต้องรอให้มีน้ำหล่อลื่นมาเลี้ยงให้ทั่วถ้ำรักเสียก่อน จึงจะเหมาะสมและสะดวก
โยธินต่อการเปิดรับแขกแปลกหน้าซึ่งต้องใช้เวลาในการเล้าโลมราว 10-20 นาที
การรีบร้อนร่วมรักในขณะที่ฝ่ายหญิงยังไม่พร้อม จะทำให้ภายในถ้ำรักแห้ง...ฝืด...
 แถมหากฝ่ายชายดันทุรังที่จะบุกเข้าไป
ซอยแล้วซอยเล่า กระหน่ำเสียจนไม่ดูเหนือดูใต้ อาจสร้างความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน
ให้แก่ฝ่ายหญิงเป็นอย่างมาก
นั่นคือสาเหตุที่ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเกลียดและกลัวการร่วมเพศไปเลย
สั่งซื้อสินค้าได้ที่นี่เลยจ้า http://cm.lnwfile.com/xte5on.jpg

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ประโยชน์ของโสม

ประโยชน์ของโสม


สาร Adaptogens ในโสม มีคุณสมบัติลดความเครียด
ช่วยปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้ทนต่อภาวะต่างๆ ได้มากขึ้น และยังช่วยลดความเมื่อยล้า
โดยกระตุ้นให้เซลล์ในร่างกายสร้างพลังงานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น
กระปรี้กระเปร่า และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้น
นอกเหนือจากสรรพคุณที่ได้กล่าวมาแล้วยังมีรายงานผลการวิจัยของโสมเพิ่มเติมอีกดังต่อไปนี้
-กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง โดยการสร้างสาร Interferon
ซึ่งเป็นสารต้านเชื้อไวรัส และกระตุ้นการสร้างโปรตีน Interleukin- 1
-โสมมีส่วนช่วยเพิ่มการสร้างพลังงาน ทำให้นักกีฬามีความทนทานต่อการออกกำลังหนักได้ดีขึ้น
และทำให้สามารถนำพาออกซิเจนไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
-ช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบในหญิงวัยหมดประจำเดือนหรืออาการวัยทอง
-ลดการหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความเครียดจากต่อมหมวกไต
-ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
-ช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ อาจถือได้ว่าเป็นไวอะกร้าธรรมชาติ
-ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเป็นปกติ
-ลดระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับมาตรฐาน
-ลดอาการข้างเคียงจากการฉายรังสี

สั่งซื้อสิ้นค้าได้ที่นี่เลย !http://goo.gl/R9WBl9

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ประวัติของโสม

ประวัติ

โสม เป็นพืชสมุนไพรโบราณ มีหลากหลายสายพันธุ์แตกต่างกันไปตามแต่สถานที่เพาะปลูก
เช่น โสมจีน โสมเกาหลี และโสมอเมริกา แรกเริ่มเดิมทีนั้นการใช้โสมถูกบันทึกไว้
ในตำรับยาแพทย์แผนจีนหลายพันปีก่อน
 เชื่อกันว่าโสมในยุคแรกที่มีการนำมาใช้คือโสมป่า ที่ขุดได้จากทางตอนเหนือของจีน
มีรูปร่างของรากคล้ายกับคน (หยิ่งเซียม)
 และมีการใช้โสมแพร่หลายออกไปยังเกาหลี โสมเกาหลี (โสมกอรียอ)
และอีกหลากสายพันธุ์จากฝั่งอเมริกาในสมัยก่อนโสมนั้นมีราคาแพงมาก
เนื่องจากโสมป่านั้นเป็นของหายาก

ต้นโสม
โสมเป็นพืชล้มลุกที่ปลูกยาก ต้องปลูกในที่ ๆ มีอากาศเย็นสม่ำเสมอ
ไกลจากทะเล และดินและน้ำไม่มีมลพิษ มีรากลึกประมาณ 1 ฟุต ลำต้นสูงประมาณ 1 เมตร
 โสมทางฝั่งเอเชียนิยมเพาะปลูกกันทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน และในประเทศเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้
 ส่วนโสมอเมริกาจะมาจากวิสคอนซิน หรือแคนาดา ปัจจุบันมีการเพาะปลูกโสมกันในเชิงพาณิชย์
 เนื่องจากโสมป่าเป็นของที่หายากแล้ว
ชนิดของโสม

เรานิยมนำโสมมาใช้เฉพาะส่วนของรากที่อยู่ลงไปใต้ดิน โสมที่ขุดนำมาใช้ได้นั้น
จะมีอายุตั้งแต่ 3 - 6 ปี ซึ่งโสมอายุ 6 ปีจะเป็นโสมที่ถือว่ามีตัวยาสำคัญมากที่สุด โดยโสมแบ่งได้ 2 ชนิด คือ
โสมขาว คือโสมสดที่ขุดขึ้นมาจากดิน ล้างทำความสะอาด สามารถนำไปใช้ได้ทันที 
อาจนำไปตากแห้งให้น้ำระเหยออกไปเพื่อให้เก็บรักษาไว้ใช้ได้นานขึ้น 
ใช้เป็นส่วนผสมของยาจีนและทำอาหารได้

โสมแดง คือโสมขาวที่นำไปผ่านวิธีการอบ เพื่อให้มีสรรพคุณทางยามากขึ้น 
ลักษณะของรากจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอมแดง และมีความชื้นเล็กน้อย 
โสมแดงนี้ถือว่ามีคุณค่าทางยามากที่สุดและราคาแพง
ส่วนโสมในปัจจุบันที่ใช้กันโดยทั่วไปนั้น จะเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ได้จากการนำโสมแดงและโสมขาวมาทำ 
เช่น โสมสกัด โสมเม็ด โสมผง หรือใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง
สั่งซื้อสินค้าเลยที่นี่  http://goo.gl/R9WBl9

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เรื่องของโสม เพิ่มพลังทางเพศจริงหรือไม่?

โสม (Ginseng) เพิ่มพลังวังชาทางเพศ

ชายทุกคนมักจะให้ความสนใจกับสมรรถภาพทางเพศของตน ต้องการให้มีกำลังแข็งแกร่งอย่างหนุ่ม ๆ เสมอ ดังนั้น จึงเกิดยาบำรุงต่างๆขึ้นมา 
โสมเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางด้านสมรรถภาพเช่นกัน แต่คนที่รับประทานโสม เพื่อหวังให้มีอาการคึกคักนั้นคงจะต้องผิดหวัง เพราะโสมไม่ได้เป็นยากระตุ้นทางเพศ แต่เป็นยาบำรุงกำลังทางเพศ หลังรับประทานโสมวันที่ ๒ ก็จะสามารถเห็นผลได้ในการบำรุง การผลิตอสุจิจะดีขึ้นและเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างเห็นชัด เพราะโสมไปบำรุงให้ร่างกายอยู่ในภาวะที่แข็งแรง และพร้อมที่สุดในการผลิตอสุจิ
ซื้อสินค้าได้เลยที่นี่ !! http://goo.gl/R9WBl9